ก่อนปี
พ.ศ.2220 ยังเป็นที่เชื่อและยอมรับในหมู่นักวิทยาศาสตร์ว่า แสงเป็นลำอนุภาค
ซึ่งเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง สามารถทะลุผ่านวัตถุโปร่งใส
สะท้อนที่ผิวทึบได้นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาการหักเห การสะท้อนที่ผิวต่าง ๆ
อย่างละเอียด
ประมาณ พ.ศ.2220
ได้เกิดมีแนวความคิดว่า แสงอาจจะเป็นคลื่นได้ ฮอยเกนส์
(Chistiaan Huygans) ได้แสงให้เห็นว่า
อาจใช้ทฤษฏีที่ว่าแสงเป็นคลื่นอธิบายกฎเกณฑ์การสะท้อนและการหักเหได้
แนวความคิดนี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในทันที ด้วยเหตุผลที่ว่า
หากแสงเป็นคลื่นแล้วเหตุใดจึงไม่พบว่าแสงแสดงสมบัติของคลื่นอย่างหนึ่ง คือ
เบนจากแนวทางเดิมได้เมื่อพบสิ่งกีดขวาง เช่น ขอบหรือมุม
ต่อมาเมื่อยัง
(Thomas young)
และเฟรส์เนล (Augustin Fresnel)
ได้ทดลองพบปรากฏการณ์การแทรกสอดและการเลี้ยวเบนของแสง จึงทราบว่า
เหตุที่เราไม่พบว่าแสงแสดงสมบัติเหล่านี้ในสถานการณ์ทั่ว ๆ ไป
ก็เนื่องจากปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อสิ่งกีดขวางมีขนาดใกล้เคียงกับความยาวคลื่นของแสงซึ่งสั่นมาก
นอกจากนั้น ทฤษฏีที่ว่าแสงเป็นคลื่นยังสามารถอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ อีก เช่น
การหักเหสองแนว เป็นต้น
ต่อมาอีกไม่นาน
ทฤษฏีที่ว่าแสงเป็นคลื่นนี้ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์อีกหลายอย่างเช่น
ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กตริก
(Photoelectric Effect) คือ
อิเล็กตรอนสามารถหลุดออกจากตัวนำที่ถูกแสงได้ ไอน์สไตน์ (Albert
Einstein)
ได้ตั้งทฤษฏีอธิบายว่าแสงอาจคิดได้ว่าเป็นท่อหรือก้อนของพลังงาน เรียกว่า โฟตอน
ทฤษฏีนี้สามารถอธิบายปรากฏการณ์อื่น ๆ อีกหลายอย่างได้
315 102, 315 103 ฟิสิกส์พื้นฐาน (ผศ.ณรงค์
พิศขุมทอง)
Suggestion and comment send to the
WEBMASTER
Maintained and Design by Electronics Laboratory,
Department of Physics, Faculty of Science,
Khonkaen University, Thailand.