การเรียนรู้ คืออะไร

View

การเรียนรู้คืออะไร

การเรียนรู้ เป็นคำที่เราได้ยินอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวงการการศึกษา อาจจะได้ยินคำว่า “การเรียนรู้” อยู่นับครั้งไม่ถ้วนในหนึ่งวันของการทำงานตามบริบทของการพูดหรือการกล่าวถึง หากเรานึกย้อนกลับไป เราได้ยินคำว่าการเรียนรู้ครั้งสุดท้าย เมื่อใด และเราให้คำนิยาม หรือเข้าใจคำว่า การเรียนรู้ ว่าอย่างไร และต่างบริบทกัน เราเองนิยามคำว่าการเรียนรู้เหมือนกันทุกครั้งหรือไม่ นอกจากนั้น หากเราใช้คำว่า การเรียนรู้ สืบค้นใน Google จะปรากฏความหมายที่หลากหลาย

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเกี่ยวกับการเรียนการสอนแล้ว เราสอนเพื่อให้ นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดหรือทักษะที่มีความจำเป็นสำคัญ ซึ่งครูต้องการถ่ายโยงความรู้ (knowledge transfer) และทักษะต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับโลกปัจจุบันให้นักเรียน เพื่อให้นักเรียนจะได้นำความรู้หรือทักษะนั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน ด้านวิชาการ และในการประกอบอาชีพ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ ครูจำเป็นต้องมีขั้นตอนหรือกระบวนการในการถ่ายโยงความรู้ด้วยความเข้าใจอย่างลึกเกี่ยวกับการเรียนรู้ ซึ่งจะสามารถทำให้การวางแผนและใช้วิธีการเรียนการสอนที่มีความเหมาะสม อันจะทำให้การเรียนรู้ประสบความสำเร็จ โดยในฐานะ เช่นเดียวกับสถาปนิกที่จะต้องเข้าใจคุณสมบัติของไม้ เหล็ก และกระจก และวัตถุประสงค์ของตึก อาคารหรือสิ่งก่อสร้างก่อนที่จะลงมือออกแบบ ซึ่งก็เช่นเดียวกับครู ที่จะต้องเข้าใจองค์ประกอบที่สำคัญของการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้

มนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไร (How Do We Learn?)

กลไกของมนุษย์ในการผสมผสานความรู้ใหม่ พฤติกรรมและทักษะ เข้าไปในคุณลักษณะส่วนบุคคลของแต่ละคน ซึ่งในกรอบแนวคิดกว้างๆ เช่นนี้อาจเรียกว่า การเรียนรู้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะต้องมีการตรวจสอบมุมมองทางจิตวิทยาพื้นฐานของพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งแม้นักจิตวิทยาก็มิได้มองเรื่องนี้ในทิศทางเดียวกันโดยเอกฉันท์ นอกจากนี้ ในความเป็นจริงทฤษฎีต่างๆ ที่มีอย่างหลากหลายจะอธิบายวิธีการและเหตุผลที่บุคคล (people) ได้ทำในสิ่งต่างๆ ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้ชุดความคิด (School of Thought) โดยแต่ละชุดความคิดจะมีมุมมองเฉพาะเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์เป็นของตนเองที่ เพื่อความเข้าใจในการเรียนรู้ เพื่อเราจะต้องตรวจสอบมุมมองที่เกิดขึ้นและทฤษฎีการเรียนรู้ที่เกิดจากการแต่ละมุมมองนั้น

ในฐานะที่เป็นนักการศึกษา การตระหนักถึงความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจแนวทางหรือทางเลือกสำหรับการออกแบบการเรียนการสอน รวมทั้งสื่อและสิ่งแวดล้อ มทางการเรียนรู้ด้วย การตรวจสอบหรือพิจารณามุมมองเหล่านี้จะช่วยให้เรากำหนดหรือตัดสินใจด้วยว่า เราเองเห็นด้วยกับแนวความคิดหรือมุมมองเกี่ยวกับการเรียนรู้ในลักษณะใด ในทางกลับกัน มุมมองเหล่านี้จะช่วยเราในการออกแบบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับมุมมอง ความเชื่อ หรือความเห็นของเราเกี่ยวกับการสอน กระบวนการเรียนรู้และหลักการที่เกี่ยวข้อง

ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ ยิ่งมีความจำเป็นและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เมื่อครูต้องมีการบูรณาการเทคโนโลยีลงไปในกิจกรรมการเรียนการสอน ซึ่งเทคโนโลยีจะใช้งานได้ดีในการเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์ในการเรียนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีจะต้องสอดคล้องกับกระบวนการเรียนการสอน มิได้สิ้นสุดหรือเกิดผลได้โดยตัวเทคโนโลยีเอง การใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ครูต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้และกลยุทธ์ในการเรียนการสอนที่จะใช้ในการถ่ายโยงความรู้ไปสู่ผู้เรียนอย่างชัดเจน ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเรียนการสอนที่เราเลือกใช้นั้น จะเป็นตัวกำหนดประเภทของเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับใช้ในการเรียนการสอน

มุมมองเกี่ยวกับการเรียนรู้ (Perspective of Learning)

มุมมองของแต่ละคนในสิ่งเดียวกัน สามารถมองและเข้าใจในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ ซึ่งในส่วนนี้จะอธิบายถึงแนวคิดของมุมมองเกี่ยวกับการเรียนรู้ โดยการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อนที่สามารถอธิบายได้แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองที่มีต่อวิธีการและเหตุผลที่บุคคลได้กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละแนวความคิดของจิตวิทยาจะมีมุมมองเกี่ยวกับการเรียนรู้เป็นของตนเองและแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนต่อไปนี้จะได้แนะนำและอธิบายเกี่ยวกับความแตกต่างของมุมมองของการเรียนรู้ ซึ่งแต่ละแนวความคิดจะอธิบายได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับมุมมองของนักทฤษฎีในแต่ละกลุ่ม ซึ่งขณะที่เราอ่านและศึกษามุมมองต่างๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ ขอได้โปรดพิจารณามุมมองที่แตกต่างกันเหล่านี้ โดยเราอาจจะมีเห็นด้วยกับบางทฤษฎีต่อไปนี้ ที่อาจเหมาะสมสำหรับช่วงเวลา บริบท ความต้องการหรือลักษณะของผู้เรียนที่แตกต่างกัน เช่นนั้นแล้วเราอาจต้องใช้วิธีการผสมผสานแนวความคิดจากหลายทฤษฎี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้

มุมมองของนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยม (The Behaviorist Perspective)

นักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยม หมายถึง ผู้ที่แสวงหาความรู้จากมุมมองด้านพฤติกรรมนิยม ซึ่งมุ่งเน้นศึกษาพฤติกรรมที่เป็นการตอบสนองต่อการกระตุ้นของสิ่งเร้าภายนอก ซึ่งการกระตุ้น เป็นการกระทำขั้นต้นที่จะนำไปสู่อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย และเกิดการตอบสนองที่เป็นปฏิกิริยาของอวัยวะ ทั้งนี้ จากการอธิบายของนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยม พบว่า ผู้เรียนจะได้รับพฤติกรรม ทักษะ และความรู้ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อรางวัล และการลงโทษ ซึ่งรางวัลในที่นี้ หมายรวมถึงทั้งที่เป็นการเสริมแรงทางบวก การเสริมแรงทางลบ หรือการเสริมแรงที่เป็นกลางต่อพฤติกรรม โดยรางวัลจะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปได้ว่าพฤติกรรมนั้นจะตอบสนองซ้ำหรือไม่ นั่นหมายถึง การตอบสนองจะขึ้นอยู่กับรางวัล (การเสริมแรงทางบวก) การลงโทษ (การเสริมแรงทางลบ) หรือ ระงับการตอบสนอง (ไม่มีการเสริมแรง) สำหรับนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยมแล้ว การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ผู้เรียนถูกกระทำเป็นหลัก กล่าวคือ ผู้เรียนจะตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมทางสติปัญญา หรือกระบวนการทางปัญญา (mental activity) นักจิตวิทยาในกลุ่มพฤติกรรมนิยมที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายได้แก่ Ivan Pavlov, John Watson, และ B. F. Skinner

มุมมองของนักจิตวิทยาด้านพุทธิปัญญานิยม (The Cognitivist Perspective)

ในทางตรงกันข้ามกับนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยม ซึ่งนักจิตวิทยาด้านพุทธิ ปัญญานิยมมุ่งเน้นการเรียนรู้ที่เป็นเสมือนการดำเนินการทางปัญญา โดยเกิดขึ้นเมื่อข้อมูลผ่านเข้ามายังการรับรู้หรือความรู้สึก (sense) เกิดการจัดการที่ซับซ้อนโดยปัญญาหรือจิต โดยถูกนำไปจัดเก็บ และนำมาใช้ในที่สุด ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมนิยมที่ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมที่สามารถวัดและสังเกตได้ ซึ่งพุทธิปัญญานิยมถือว่ากระบวนการหรือกิจกรรมทางปัญญาเป็นจุดเริ่มต้นที่จะต้องศึกษา กระนั้น ก็ยังถือว่าพฤติกรรมมีความสำคัญ โดยมองว่าพฤติกรรมเป็นตัวบ่งชี้ของกระบวนการทางปัญญา มากกว่าที่จะมองว่าเป็นผลจากการตอบสนองของสิ่งเร้าที่ได้จากการกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีพุทธิปัญญานิยมพยายามที่จะอธิบายการเรียนรู้ว่าบุคคลมีการคิดหรือกระบวนการคิดอย่างไร โดยพุทธิปัญญานิยมเชื่อว่าการเรียนรู้มีความซับซ้อนมากกว่ามุมมองของนักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมนิยม ซึ่งตามแนวคิดของพุทธิปัญญานิยมนั้น การเรียนรู้และการแก้ปัญหา ถูกมองว่าเป็นกระบวนการทางปัญญาที่ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยการสังเกต ทั้งนี้ นักจิตวิทยาที่สำคัญด้านพุทธิปัญญานิยมได้แก่ Jerome Bruner และ David Ausubel อนึ่ง งานด้านคอนสตรัคติวิสต์ (ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อต่อไป) ในช่วงแรกนั้น Jean Piaget มีส่วนสำคัญในการนำมุมมองของพุทธิปัญญานิยม โดยมีมุมมองว่า การเรียนรู้เป็นฟังก์ชันของความคิด

มุมมองของนักจิตวิทยาด้านคอนสตรัคติวิสต์ (The Constructivist Perspective)

สำหรับคอนสตรัคติวิสต์แล้ว ความรู้เป็นองค์ประกอบที่เกิดจากการสร้างโดยกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้ ความรู้ยังเป็นเอกลักษณ์ (ไม่ซ้ำกัน) ของแต่ละบุคคลที่จะสร้างขึ้น Mahoney (1994) กำหนดให้กลุ่มแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์เป็นสาขาหนึ่งของพุทธิปัญญานิยม เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจที่เกิดจากการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (inquiry-based learning) และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างไรก็ตาม คอนสตรัคติวิสต์มีความแตกต่างจากมุมมองของพุทธิปัญญานิยม โดยมองว่าการเรียนรู้ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผลผลิตของกระบวนการทางปัญญาเท่านั้น แต่การเรียนรู้เป็นผลผลิตที่เป็นเอกลักษณ์อย่างสิ้นเชิงของแต่ละบุคคล ซึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์ซึ่ง จะมีผลต่อกระบวนการทางปัญญา โดยคอนสตรัคติวิสต์สอดคล้องและถูกยอมรับนำไปใช้อย่างแพร่หลายในการศึกษาร่วมสมัย

นักจิตวิทยาด้านคอนสตรัคติวิสต์ที่มีความโดดเด่นมากที่สุดน่าจะเป็น Jean Piaget ซึ่ง Piaget สร้างทฤษฎีว่า เด็กสร้างแผนที่ความคิดตามสารสนเทศที่ได้รับ ความรู้ใหม่เป็นทั้งการดูดซึม (สอดคล้องกับแผนที่ความคิดที่มีอยู่เดิม) หรือ การปรับเปลี่ยน (แผนที่ความคิดเดิมถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับสารสนเทศใหม่) ดังนั้น เด็กจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาสมดุลทางความคิด

แก้ไขครั้งสุดท้าย: Tuesday, 5 May 2020, 4:13PM